“รู้สึกดีจังที่ฉันยังเป็นคนนี้” คำบอกรักตัวเองของ ‘กวาง’ - สิรินาฏ สารถี ศิลปินและคุณแม่ของลูกสาวฝาแฝด ที่จะทำให้คุณมองเห็นคุณค่าที่คุณคู่ควร - Jamsai Kids Store | ร้านหนังสือออนไลน์ คลังนิยายแจ่มใส

ตะกร้าสินค้า

empty-cart-img

ไม่มีสินค้าในตะกร้า

เลือกซื้อสินค้า
โปรโมชั่นส่วนลด และพรีเมี่ยมจะแสดงในหน้าตะกร้าสินค้าของฉัน

ราคาสินค้า:

0.00 บาท

“รู้สึกดีจังที่ฉันยังเป็นคนนี้” คำบอกรักตัวเองของ ‘กวาง’ - สิรินาฏ สารถี ศิลปินและคุณแม่ของลูกสาวฝาแฝด ที่จะทำให้คุณมองเห็นคุณค่าที่คุณคู่ควร

Share:   

             

               “รู้สึกดีจัง ที่ฉันยังเป็นคนนี้” เสียงนุ่มๆ เบาๆ แต่หนักแน่นของ ‘กวาง’ - สิรินาฏ สารถี ศิลปินที่มีนามปากกาว่า SIRI และเจ้าของผลงานน้องมะเขือเทศน้อยตัวกลม Tomato twins จากจังหวัดขอนแก่น ทำให้เรารู้สึกว่า เธอกำลังบอกรักตัวเอง รักในแบบที่เธอเป็น รักที่เธอเป็นแม่ของ ‘ฟ้า’ ‘ทะเล’ เด็กหญิงฝาแฝด และรักในงานวาดภาพของเธอตลอด 12 ปีที่ผ่านมา 

               “ช่วงเวลาที่รู้สึกว่า ฉันรักตัวฉันเอง ไม่ได้เกิดขึ้นตอนที่ประสบความสำเร็จใหญ่อะไรเลย บางทีก็เกิดขึ้นกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ด้วยซ้ำ” เธอบอกรักตัวเองให้เราฟังอีกครั้ง จนเราอดยิ้มตามไม่ได้ 

               การบอกรัก แบบไม่ต้องมีคำว่า ‘รัก’ มีอยู่มากมายหลายวิธี แต่วิธีที่ศิลปินหญิงคนนี้แสดงออกมาคือ ‘ความมั่นใจในตัวเอง’และ ‘การมองเห็นคุณค่าของตัวเอง’ อยู่เสมอ ทั้งการใช้ชีวิต เส้นทางอาชีพ และการเป็นคุณแม่

               “พอคิดย้อนกลับไปตอนสมัยเรียน ก็รู้สึกแย่ตรงที่ว่า ทำไมนะ ทำไมเราไม่กล้าที่จะบอกความต้องการของตัวเอง ทำไมเราเป็นเด็กดีจังเลย แต่พอโตมา เราก็รู้ว่า ทุกการตัดสินใจที่ผ่านมานั้น ล้วนดีสำหรับเราแล้ว” เธอบอก

               และแน่นอนว่า เมื่อกวางเป็นคุณแม่ เธอและสามีจึงเลือกปูพื้นฐานคำว่า ‘รัก’ และเข้าใจตัวเองในแบบตัวเองเป็นให้กับลูกสาวฝาแฝด ที่โดยปกติ มักจะถูกคาดหวังว่า เด็กฝาแฝดต้องมีทุกอย่างเหมือนกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกต้องพบเจอมาตลอดเวลาตั้งแต่เด็ก 

               “ฟ้ากับทะเล เป็นฝาแฝดที่เหมือนกัน แต่พวกเขาแทบจะไม่มีอะไรเหมือนกันเลย แม้แต่ความชอบ และสิ่งนี้ล่ะ ที่ทำให้แม่อย่างเราเข้าใจและภูมิใจในตัวลูกมาก” กวางบอก

               เรื่องราวต่อจากนี้จะทำให้คุณอบอุ่นหัวใจแค่ไหน อยากให้ลองติดตามกันไปทีละนิด โดยตั้งต้นจากชีวิตวัยเด็กของคุณแม่ก่อน 

 

เด็กหญิงกวาง กับความรักเล็กๆ ที่ทดไว้ในใจ

                “เราชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็กๆ และคุณพ่อก็เป็นครูสอนวาดรูปคนแรก เพราะงานอดิเรกของพ่อคือ เขียนป้ายด้วยมือ เวลามีงานประกวดวาดรูป คุณพ่อก็สนับสนุนเสมอ พอเราอายุ 5 ขวบ เราก็มีน้องสาว เลยวาดรูปเล่นกับน้องมาเรื่อยๆ”

                กวางบอกว่า เธอเก็บความชอบที่อยากทำมากๆ ทดไว้ในใจ เพราะเมื่อถึงวัยที่ต้องสอบเอ็นทรานซ์ เธอจำเป็นต้องเลือกเส้นทางที่ไปต่อได้ง่ายกว่า

                “สมัยก่อน มักจะมีคำว่า ศิลปินไส้แห้ง คุณพ่อจึงบอกกับเราว่า วาดรูปวาดเมื่อไหร่ก็ได้ แต่หนูจะไม่มีโอกาสได้เรียนวิชาด้านอาชีพอื่นๆ เลยนะ พ่อเองก็ชอบศิลปะ แต่ก็ยังเป็นนักบัญชีเลย เราเข้าใจในมุมของคุณพ่อ จนสุดท้ายสอบติดเทคนิคการแพทย์ และทำงานในเส้นทางนี้เรื่อยมา ก่อนที่จะมาเป็นนักวาดภาพประกอบและศิลปินอย่างทุกวันนี้”

                ที่จริงแล้ว กวางรู้จักตัวเองดี และด้วยความเป็นพี่ เป็นลูกสาวคนโต เธอจึงเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างได้ แม้ว่าเธอจะวนอยู่กับคำถามเดิมๆ ที่ค้างไว้ในใจ ทำไมฉันจึงเลือกสิ่งนี้ไม่ได้

                เมื่อสิ่งที่ทดไว้ในใจ ยังไม่ได้ออกมาโลดแล่นในความเป็นจริงสักที เธอจึงใช้วิธีบางอย่าง ที่ทำให้ตัวตนในวัยเด็กแสดงออกได้ชัดเจนขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือ

                ‘การเปลี่ยนงาน’ ที่ผู้ใหญ่มักมองว่า เป็นเพียงข้ออ้างของคนที่อดทนได้ไม่มากพอ 

               “แต่ต้องบอกว่า เราตั้งใจและจริงจังกับทุกงาน และทุกการเปลี่ยนงาน ทำให้เรามีทักษะอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น อีกอย่าง ลึกๆ แล้วก็เราอยากเจองานที่ทำให้ตัวเองมีความสุข แต่เวลาที่เราลาออก เราก็ไม่ได้มุทะลุขนาดนั้น เพราะเราได้วางแผนให้กับตัวเองไว้หมดแล้ว”

 

ฉันรักตัวฉันเองในแบบที่เป็นฉัน สะท้อนตัวตนที่แตกต่าง ผ่านลายเส้นที่เรียบง่าย SIRI

           และแล้วในที่สุด กวางก็ได้เลือกเส้นทางสายวาดรูป ด้วยแรงผลักดันจากน้องสาวอย่าง มุนินฺ (เมย์ - มุนินทร์ สายประสาท นักวาด นักเขียน เจ้าของนามปากกา Munins) ที่คอยกระตุ้นให้พี่สาวคนนี้ เข้าวงการวาดรูปอย่างที่หัวใจเรียกร้อง กับลายเส้นเรียบๆ ที่เข้าใจและเข้าถึงง่าย ดูไปดูมาแล้ว ก็เหมือนบุคลิกของกวางเอง

           “ลายเส้น SIRI มีตัวตนของเราอยู่ในนั้น เรียบง่าย สบายๆ เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน อารมณ์ดี บวกกับเราเป็นคนที่ชอบสีสันสดใส ตั้งแต่การแต่งตัว ไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้ มันก็สะท้อนออกมาเป็นการใช้สีในตัวการ์ตูนของเรา และเป็นสีที่เราชอบใช้ในชีวิตประจำวัน และเราก็ชอบมันมากด้วย”

           “ความเรียบง่ายแต่สนุก ดูแล้วเหมือนมีสองอารมณ์ในคนเดียวเลยนะ” เราแซวกวาง

           (หัวเราะ) “เราก็เป็นคนแบบนั้นนะ เป็นคนพูดช้าๆ เสียงเบา เคลื่อนไหวช้า แต่ก็เป็นคนสนุกมาก แบบว่าเมื่อมีปาร์ตี้จะขาดคนนี้ไม่ได้ ต้องมีเราอยู่ตรงนั้นแล้วจะสนุกมาก แต่ก็ไม่ใช่คนที่ร่าเริงมากในกลุ่มเพื่อน แต่จะเป็นคนที่ทำให้บรรยากาศมันสนุกมากขึ้น ทำให้ทุกอย่างดูกลมกลืนเป็นคนเดียวกัน”

กวางบอกว่า ที่จริงแล้ว เธอเองก็ไม่เคยตอบคำถามนี้เหมือนกัน แต่เหมือนมีคนถาม เธอจึงได้ทบทวนอีกครั้ง

               “12 ปีที่อยู่กับลายเส้น SIRI มา เรารู้สึกว่า การที่เราไม่เหมือนคนอื่นแบบนี้แหละ ดีแล้ว อาจไม่ได้สมบูรณ์แบบ ไม่ได้เป็นเดอะเบสท์ในด้านใดด้านหนึ่งเหมือนคนอื่นที่เรียนจบเฉพาะทางมา แต่มันก็ดีมากๆ เลยล่ะ”

               กวางยังคงยืนยันว่า เธอจะรักในแบบนี้ แบบที่เป็นเธอ และจะยังคงรักไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่เธอแก่ชราลง

               “พอแก่ตัวลง เราจะรู้สึกว่า มันกลมมากเลย ฉันเป็นคนนี้แหละ แบบนี้เลย พอแล้ว”

 

ฉันรักเธอ ในแบบที่เธอเป็นเธอ ผ่านตัวการ์ตูนน่ารัก Tomato Twins

         เส้นทางของหญิงสาวนักวาดภาพประกอบ บางทีก็เจอทางตัน แต่ทุกครั้งเธอก็ผ่านมันมาได้ด้วยคำว่า ‘มั่นใจ’ และ ‘เห็นคุณค่า’ ของตัวเองและสิ่งที่ทำ เช่นเดียวกันกับเส้นทางสายใหม่ ในฐานะศิลปิน ที่พ่วงอาชีพคุณแม่ สู่คาเรกเตอร์น้องมะเขือเทศกลมๆ tomato twins

           “เราเคยเบิร์นเอ้าท์ และการมีลูกคือ จุดเปลี่ยน เราจึงใช้ช่วงเวลานี้วาดรูปเล่นมากขึ้น แล้วสายตาก็จดจ้องอยู่ที่เด็กหญิงสองคนนี้ ดูไปดูมาก็ตลกจัง แล้วมีอยู่ครั้งหนึ่ง ลงภาพถ่ายของลูก แล้วมีคนคอมเม้นท์ว่า tomato girls เราชอบคำนี้จัง แถมเราเอง ก็ชอบกินมะเขือเทศด้วย เลยเอาคำนี้มาวาดเป็นตัวการ์ตูน 

               “เราเห็นว่า ผมของลูกน้อยจัง ดูคล้ายขั้วมะเขือเทศมาแปะไว้ (หัวเราะ) แก้มน้อยๆ ของเด็กๆ ก็เป็นสีแดง มีคิ้วเฉียงๆ เหมือนเด็กโกรธตลอดเวลา คือลูกจะไม่ค่อยยิ้มเลย ต่างจากพ่อแม่ที่เป็นคนอารมณ์ดีมาก แต่ลูกหน้าบึ้ง ตลกดี”

เติมความมั่นใจ ด้วยคำว่ารักในแบบที่ตัวเองเป็น (จากใครสักคน)

                “พอเราวาดก็โพสต์ลงเพจ คนก็ชอบด้วย ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็น Tomato girl และเริ่มเป็นรู้จักเพราะเราได้กลับมาอยู่บ้านที่ขอนแก่น แล้ววาดรูป Tomato girl 10 ภาพ จัดแสดงไว้ในคาเฟ่เล็กๆ สีสันสดใส ในรั้วบ้านของเราเอง ปรากฏว่า มีคนจากแกลอรี่ที่กรุงเทพฯ มาซื้อหมดเลย และคนทั้งจังหวัดก็แวะมาดูงาน” กวางบอกด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น

           แต่บางครั้งเพียงคำว่า ฉันรักตัวเองในแบบที่ฉันเป็นอาจไม่เพียงพอ ต้องมีใครบางคนมาช่วยย้ำให้ฟังอีกที

           “พอทำไปสักระยะ และกลายเป็นศิลปิน ได้เจอตัวจริงมากมาย อีกมุมเราก็อยากพัฒนางานให้ดีขึ้น อีกมุมเราก็รู้สึกกดดันตัวเอง จนวันหนึ่ง มีชาวญี่ปุ่นทักมา บอกว่าเห็นงานโซโลของเรา เขาชอบในความเรียบง่ายแบบเรามากนี้ ส่วนเรากลับอยากเพิ่มมิติ แสงเงา อยากทำอะไรให้ได้มากกว่า 

               “เขายืนยันว่า คนญี่ปุ่นต้องสไตล์นี้แน่ๆ คำนี้ทำให้เรากลับมาอยู่กับร่องกับรอย บอกกับตัวเองว่า กลับมาเป็นตัวเองสิ เธอต้องชอบที่เป็นแบบนี้สิ มีคนที่ชอบในแบบที่เป็นเธออยู่นะ แต่เธอกลับพยายามจะไปเป็นคนอื่น แล้วมันเหนื่อยใช่มั้ย” เธอเล่าสิ่งที่อยู่ในใจให้เราฟัง

           หลังจากที่เธอตอบคำถามของตัวเองได้แล้ว เธอก็กลับมามั่นใจในงานที่เป็นตัวของตัวเองได้อีกครั้ง และเข้าใจแล้วว่า สิ่งใดที่เป็นตัวเอง สิ่งนั้นย่อมดีที่สุดแล้ว

 

ฟ้า และ ทะเล สิ่งที่ดูเหมือนเป็นของคู่กัน แต่ใดๆ ฟ้าก็คือฟ้า ทะเลก็คือทะเล

               จากเรื่องงาน สู่การเลี้ยงลูก เธอเลือกที่จะใช้เวลาอยู่กับลูกให้มากที่สุด เพราะเธอเชื่อว่า ทุกการก้าวเดิน เธอและสามีคือแบบอย่างของลูก เรื่องความรักตัวเอง และการมองเห็นคุณค่าของตัวเองก็เช่นกัน ที่เธอให้ความสำคัญเสมอ

               “ด้วยความที่ลูกเป็นฝาแฝดและเหมือนกันแทบทุกอย่าง แต่เราสอนพวกเขาตลอดว่า เขาไม่เหมือนกัน ฟ้าคือฟ้า ทะเลคือทะเล หนูเป็นคนละคนนะ ไม่มีวันเหมือนกัน ฟ้าอาจไม่ได้อยู่กับทะเลตลอด เราสอนพวกเขาแบบนี้

               “แม้กระทั่งเรื่องแต่งตัว ซึ่งก็อดไม่ได้ ด้วยความเป็นแม่ที่เห็นว่า ลูกแฝดแต่งตัวเหมือนกันแล้วน่ารัก เราก็ทำแบบนี้อยู่ช่วงหนึ่ง สุดท้ายลูกๆ กลับชอบไม่เหมือนกัน และเริ่มเลือกเสื้อผ้าเอง ดูแล้วมั่นใจในสิ่งที่พวกเขาเลือกด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่ใส่อะไรก็ไม่รู้ (หัวเราะ) เราเองก็เคยถูกต่อว่า เรื่องการแต่งตัวลูก ไม่เป็นไร เราเลือกที่จะเปิดโอกาสให้ลูกได้เลือกเอง คิดเอง และยอมรับสิ่งนั้นด้วยตัวเอง แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ลูกมั่นใจในตัวเอง รู้ว่าตัวเองชอบไม่ชอบอะไรได้ตั้งแต่ยังเล็ก

                “อีกเรื่องที่ทำให้แม่อย่างเราเห็นว่า เขารักตัวเองในแบบที่เป็นคือ ตอนที่ฟ้าหกล้ม หน้ากระแทกพิ้นแล้วฟันบิ่น มองแล้วไม่สวย ก็จะเกิดการเปรียบเทียบว่า ทะเลฟันสวยกว่าฟ้า แต่รู้มั้ย ฟ้ากลับยิ้มเห็นฟันเสมอ โดยไม่สนใจว่าฟันตัวเองจะเป็นยังไง แม่อย่างเราภูมิใจในตัวลูกมากเลยนะ ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรกับเขา หรือการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ ยังทำให้เขายิ้มได้เหมือนเดิม ยังทำให้เขารู้สึกเท่เหมือนเดิม”

                กวางบอกว่า อีกคนที่สำคัญมากๆ ในการสอนลูกเรื่องนี้ คือสามี

                “เราคนเดียวคงไม่พอ ได้พ่อของลูกช่วยสอนและดูแลลูกด้วย โดยการใช้วิธีแปลกๆ (หัวเราะ) แต่ก็สนุกดีนะ” กวางหัวเราะชอบใจ แล้วอธิบายต่อว่า

               “เขาจะชอบให้ลูกตัดสินใจและลองทำอะไรที่แบบว่า คนเป็นแม่จะไม่ให้ทำ (หัวเราะ) อย่าง ตอนที่ทะเลเตรียมตัวไปโรงเรียนเสร็จก่อนฟ้า แล้วบอกว่าจะไปโรงเรียนก่อน เขาก็บอกลูกว่า หนูรู้ใช่มั้ยว่า ไปถึงโรงเรียนก่อน หนูจะอยู่คนเดียวนะ เพื่อนยังไม่มานะ หนูจะเหงานะ หนูรู้ใชั้ย หนูโอเคนะ เขาก็โอเคไปส่งทะเลที่โรงเรียนก่อน แล้วกลับมารับฟ้าไปอีกรอบ

               “แต่สำหรับแม่อย่างเรามองว่าไม่ควรทำแบบนั้น แต่เขาก็ยืนยัน หลังจากนั้น ฟ้าตื่นเช้าบ้าง ฟ้าถามว่า ทำไมทะเลได้ไปโรงเรียนก่อน พ่อเขาก็บอกว่า ได้! ไปสิ! เราก็แบบว่า อีกแล้วหรอ (หัวเราะ) เขาก็ไปส่งฟ้าแต่เช้า และพูดประโยคเดิม

               “แล้วฟ้าทะเลก็กลับมาคุยกันว่า เป็นยังไง และคิดเห็นตรงกันว่า เหงา ไม่เอาแล้ว (หัวเราะ) เราก็เลยเข้าใจไปด้วยว่านี่คือ การสอน เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้การตัดสินใจของตัวเอง และช่วยทำให้ลูกได้ย้อนกลับที่ตัวเอง ได้รู้จักตัวเอง ได้ทบทวนความคิดของตัวเองมากขึ้น ลูกๆ จะรู้ว่า ทุกๆ การตัดสินใจ มีผลต่อพวกเขาจริงๆ นะ”

               “จะว่าไปเราลืมตอบเติมคำในช่องว่าง ฉันรักตัวเองที่... และฉันก็ยังรักตัวเองที่...” กวางทักขึ้น แล้วเธอก็ลองเติมคำในช่องว่างนั้นเอง 

               “ฉันรักตัวเองที่ ฉันเป็นคนกล้าตัดสินใจทุกเรื่องเลย รวมถึงเรื่องความรัก ซึ่งมันสำคัญกับเรามากกว่าการวาดรูปเก่งด้วยซ้ำ และฉันก็ยังรักตัวเองที่ ฉันอ่อนแอและอ่อนไหว เรายอมรับ และชอบส่วนนี้ของตัวเองเช่นกัน”

               แล้วคุณล่ะ เติมคำในช่องว่างนี้ว่าอย่างไรบ้างคะ

เรื่อง ศรัญญา อ่าวสมบัติกุล