Top 5 ความกลัวฉบับเจ้าตัวเล็ก และมัดรวมกิจกรรมละลายความกลัว ให้ลูกวัยอนุบาล - Jamsai Kids Store | ร้านหนังสือออนไลน์ คลังนิยายแจ่มใส

ตะกร้าสินค้า

empty-cart-img

ไม่มีสินค้าในตะกร้า

เลือกซื้อสินค้า
โปรโมชั่นส่วนลด และพรีเมี่ยมจะแสดงในหน้าตะกร้าสินค้าของฉัน

ราคาสินค้า:

0.00 บาท

Top 5 ความกลัวฉบับเจ้าตัวเล็ก และมัดรวมกิจกรรมละลายความกลัว ให้ลูกวัยอนุบาล

Share:   

ความกลัว เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเด็ก ไม่ว่าจะเป็น กลัวความมืด กลัวสัตว์ประหลาดใต้เตียง กลัวเสียงฟ้าร้องกลัวคุณพ่อคุณแม่จะหายไป กลัวคนแปลกหน้า กลัวการแยกจาก กลัวที่จะทำอะไรใหม่ๆ แต่ความกลัวเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ

           แล้วเราจะช่วยให้ลูกรู้สึกกล้าหาญขึ้นทีละเล็กทีละน้อยได้อย่างไร

ขั้นตอนแรกคือ คุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นฝ่ายซัพพอร์ต มองหากิจกรรมส่งเสริมจินตนาการ สร้างความสบายใจ เพิ่มความสุข และช่วยเติมเต็มประสบการณ์ให้กับลูกในวัยอนุบาล ค่อยๆ ละลายความกลัว แล้วหันหน้าสู่ความกล้าหาญที่เหมาะสมตามวัย ที่สำคัญต้องหากิจกรรมที่ทำได้ทั้งคุณลูกและคุณพ่อคุณแม่ดังนี้ค่ะ

 

กลัวความมืด

เสริมความกล้าด้วย ‘กิจกรรมยามค่ำคืน’

เด็กส่วนใหญ่กลัวความมืด เพราะในเวลากลางคืนมองเห็นได้ไม่ชัดเจน เท่าตอนกลางวัน

Rachel Busman นักจิตวิทยาคลินิก แนะนำว่า ให้คุณพ่อคุณแม่ค่อยๆ พูดกับลูกอย่างอ่อนโยน เช่น เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย” อาจเปลี่ยนเป็นประโยคชวนคุยและหากทางรับมือร่วมกัน เช่น “แม่รู้มาว่า เด็กๆ หลายคนก็กลัวความกลัว และมันก็ดูน่ากลัวจริงๆ ตอนเด็กๆ แม่ก็เคยกลัวนะ แต่แม่มีวิธีแก้กลัว ตอนนี้แม่จำไม่ได้แล้ว มาหาวิธีนั้นด้วยกันนะ”

หลังจากนั้น มาร่วมมือกับลูก เพื่อเพิ่มความกล้าหาญ ด้วยการสำรวจความมืด อาทิ ‘กิจกรรมยามค่ำคืน’ อย่าง ชวนกันดูพระจันทร์ และดวงดาวยามค่ำคืน กิจกรรมส่องสัตว์ตอนกลางคืนที่อุทยานแห่งชาติ หรือไนท์ซาฟารี

ชวนกันทำ ‘กิจกรรมส่องแมลงด้วยไฟฉาย’ เพราะแมลงชอบออกมาเล่นไฟตอนกลางคืน พอนำผ้าสีขาวมาขึงกางไว้ แล้วส่องไฟอาจเห็นแมลงต่างๆ ได้ง่ายขึ้น บวกกิจกรรม ‘เล่นเงา’ พร้อมตั้งชื่อสุดแปลกให้เงา เพื่อลดความกลัวในลำดับถัดไป  

 

กลัวสัตว์ประหลาด

ชวนสำรวจความกลัว ด้วยการเล่าเรื่อง หรืออ่านนิทานให้ลูกฟังก่อนนอน

เด็กๆ เป็นวัยแห่งจินตนาการ เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง บางครั้งอาจจะยังแยกแยะความจริงและสิ่งที่คิดไปเองไม่ได้ โดยเฉพาะสิ่งที่เขาคิดว่า มีอยู่จริงบนโลกใบนี้อย่าง เจ้าสัตว์ประหลาด สิ่งที่ทำให้เขากลัวมากที่สุด

คุณพ่อคุณแม่อาจใช้วิธีเล่าเรื่องสมัยเด็ก พร้อมแนวทางรับมือ เช่น แม่ก็เคยกลัวสัตว์ประหลาดเหมือนกัน แล้วคุณยายก็ชวนวาดรูปสัตว์ประหลาด หลังจากนั้น พอแม่เห็นสัตว์ประหลาดตัวนั้น แม่ก็รู้ว่า มันไม่มีจริง ลูกอยากลองวาดสัตว์ประหลาดตัวนั้นบ้างมั้ย ก็จะช่วยคลายความกังวลให้ลูกได้

รวมถึงการอ่านนิทาน ก็ยังเป็นวิธีที่ละมุนละไม ดีต่อใจลูกและพ่อแม่เสมอ นิทานอาจจะช่วยให้ลูกค่อยๆ ทำเข้าใจว่า สัตว์ประหลาดตัวนั้นของลูก แท้จริงแล้วมันมาจากไหน อาจช่วยให้ลูกเอาชนะความกลัวสัตว์ประหลาดนั้นได้ หรือเผลอๆ ลูกอาจจะเปลี่ยนสัตว์ประหลาดที่ดูน่ากลัวตัวเดิม กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่แสนตลก หรือเป็นเจ้าสัตว์ประหลาดสุดใจดีแทนก็ได้ นิทานจากแจ่มใสคิดส์​ก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ ใครสนใจก็ลองสั่งซื้อจากหน้าเว็บของแจ่มใสคิดส์ได้เลย 

 

กลัวที่จะทำอะไรใหม่ๆ

สร้างความมั่นใจด้วย ‘การเล่น’

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กๆ จะกลัวทำอะไรใหม่ๆ เพราะความกลัว มีไว้เพื่อปกป้องตัวเราเอง และนั่นเป็นสิ่งที่ดี

แต่เรื่องบางอย่างลูกอาจจะต้องเพิ่มความกล้าหาญเข้าไปอีกนิด เพื่อให้เรียนรู้โลกกว้างอย่างมั่นใจ คุณพ่อคุณแม่จะเสริมพลังกล้าหาญนี้ให้กับลูกได้ ด้วยการไม่บังคับให้ลูกทำหรือเผชิญกับสิ่งที่ลูกกลัว แต่ให้ลูกใช้เวลาในการปรับตัวและเรียนรู้ที่จะเอาชนะความกลัวนานเท่าที่ลูกต้องการ 

รวมไปถึงเปิดโอกาสให้ลูกได้เล่นอย่างเต็มที่ เล่นอย่างอิสระนอกบ้าน เล่นจนหัวเปียก แก้มแดง ได้เล่นอะไรเลอะๆ บ้าง ได้เจอสถานการณ์และพื้นที่ใหม่ๆ เช่น ชวนกันไปล่องแพไม้ไผ่ เล่นซิปไลน์เด็ก ลุยโคลน ชมสวนสัตว์แปลกเดินป่า เพื่อเพิ่มความมั่นใจในตัวเองว่า หนูทำได้! และปล่อยให้ความกลัวเป็นตัวสำรอง ช่วยป้องกัน และคอยเป็นเพื่อนระวังภัยให้ตัวลูกเอง (พูดง่ายๆ ว่าความกลัวมีประโยชน์ ที่ลูกสามารถเอาไว้เป็นเพื่อนคอยเตือนให้คิดก่อนทำ หรือหาทางป้องกันก่อนที่จะเกิดปัญหาภายหลัง) 

            

กลัวหมอ และเข็มฉีดยา

ชวนเล่นบทบาทสมมุติ

Robert Wing หัวหน้าฝ่ายดูแลเด็กของ Yale New Haven Health อธิบายว่า เด็กวัยก่อนเข้าอนุบาล มักกลัวการไปหาหมอ เพราะการไปโรงพยาบาลทำให้เด็กๆ ต้องหลุดจากกิจวัตรประจำวันตามปกติ หรือต้องออกจากพื้นที่ที่คุ้นเคย และเด็กบางคน ตอนยังเล็กอาจมีประสบการณ์ไม่ค่อยดีนัก อย่าง การฉีดวัคซีน หรือป่วยแล้วต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน รวมไปถึงเด็กๆ เริ่มกลัวคนแปลกหน้า และคุณหมอก็คือ หนึ่งในคนแปลกหน้าของลูกนั่นเอง

อย่างนั้นต้องใช้วิธี ‘เล่นบทบาทสมมุติ’ เป็นคุณหมอกับคนไข้ เป็นพยาบาลกับผู้ป่วย เช่น ฟังเสียงหัวใจ วัดความดัน ฉีดยา วัดไข้ ป้อนยาให้ตุ๊กตา ก็จะทำให้ลูกเข้าใจแล้วว่า การไปพบคุณหมอเป็นเรื่องธรรมดา ที่ช่วยให้เราหายเจ็บป่วย

แต่หากลูกยังกลัวหมอ เพราะกลัวเจ็บอยู่ คุณพ่อคุณแม่อาจใช้วิธีพูดความจริงกับลูก เช่น ฉีดยาจะต้องเจ็บบ้าง แต่ลูกร้องไห้เสียงดังๆ ได้ บีบมือแม่ได้ แต่อย่าดิ้นนะ และคุณพ่อคุณแม่จะอยู่ข้างๆ ลูกตรงนี้เสมอ 

 

กลัวการแยกจาก กลัวการอยู่คนเดียว

ร่ายมนต์คาถา ‘กอดแก้กลัว’

เด็กๆ กลัวการแยกจาก กลัวอยู่คนเดียว กลัวนอนคนเดียว กลัวไปห้องน้ำคนเดียว เป็นเรื่องธรรมดา ผู้ใหญ่อย่างเราๆ บางครั้งบางสถานการณ์ก็เคยนึกกลัวการอยู่คนเดียว และการแยกจากไม่ต่างกัน  

ดังนั้น เพื่อให้ลูกรับมือกับความกลัวและก้าวผ่านความกลัวนี้ไปได้อย่างกล้าหาญ คุณพ่อคุณแม่ลองร่ายมนต์คาถา ‘อยู่เพื่อกอดกัน’ อ้อมกอดของคุณพ่อคุณแม่จะช่วยบรรเทาความกลัว กอดคลายเหงา กอดแล้วอบอุ่นกายสบายใจ กอดแล้วมั่นใจ กอดแก้เจ็บ(เยียวยาหัวใจ) กอดแล้วมีความสุข กอดเพื่อให้รู้ว่ายังมีกันและกัน ร่วมกับการอ่านนิทานที่เกี่ยวกับการกอด ก็จะช่วยเพิ่มความสบายใจให้กับลูกได้ นิทานที่เหมาะกับลูกๆ ที่เราอยากแนะนำก็เช่น ‘แม่จะอยู่ตรงนี้เสมอ’ ของแจ่มใสคิดส์นั่นเอง 

เรื่อง ศรัญญา อ่าวสมบัติกุล 

 

ที่มา : 

childmind.org

ynhh.org

macnamara.ca

nurturedfirst.com