เตรียมความพร้อม (ว่าที่) เด็กอนุบาลคนใหม่ ไปโรงเรียนแบบสบายใจ แจ่มใส และยิ้มแฉ่ง

เตรียมความพร้อม (ว่าที่) เด็กอนุบาลคนใหม่

ไปโรงเรียนแบบสบายใจ แจ่มใส และยิ้มแฉ่ง

ถ้านับกันคร่าวๆ ก็ถือว่าเป็นเวลากว่าสามปี ที่เด็กๆ ส่วนใหญ่ในวัยก่อนวัยเรียน จะได้เรียนรู้ และใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านกับคุณพ่อคุณแม่ แต่แล้ววันหนึ่ง เมื่อถึงเวลาที่เด็กน้อยต้องเริ่มเข้าสู่วัยอนุบาล ต้องออกไปผจญภัยในโลกที่ไม่คุ้นเคย และยังต้องอยู่ห่างคุณพ่อคุณแม่ ก็เป็นธรรมดาที่เด็กๆ จะรู้สึกหวั่นใจ เกิดความกลัว และวิตกกังวล 

แต่คุณพ่อคุณแม่เชื่อมั้ยคะว่า เด็กๆ จะร้องไห้ไม่อยากไปโรงเรียนเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่หลังจากนั้น ลูกจะคุ้นชิน และเริ่มอยู่ที่โรงเรียนได้โดยไม่มีคุณพ่อคุณแม่ แต่จะรอให้เลิกเรียนไวๆ เพื่อพบกับคุณพ่อคุณแม่อีกครั้ง

ดังนั้น ก่อนไปโรงเรียนอนุบาลในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ มาเตรียมความพร้อมให้ว่าที่เด็กอนุบาลใหม่ของเราด้วยวิธีดังนี้กันค่ะ

ก่อนเปิดเทอม ชวนลูกแวะไปดูโรงเรียนอนุบาลสักหน่อย

หากโรงเรียนอนุบาลอยู่ไม่ไกลจากบ้าน ก่อนเปิดเทอม คุณพ่อคุณแม่ลองพาลูกนั่งรถ แล้วขับผ่านโรงเรียนอยู่บ่อยๆ เพื่อให้ลูกได้เห็นบรรยากาศคร่าวๆ ของโรงเรียน และสร้างความคุ้นเคยไปกับเส้นทางระหว่างบ้านและโรงเรียนไปในตัว

ระหว่างทางอาจชวนลูกคุยถึงโรงเรียนแบบสบายๆ หรือเล่าเรื่องสมัยเป็นเด็กอนุบาลของคุณพ่อคุณแม่ให้ลูกฟัง ก็จะช่วยให้ลูกสบายใจได้มากขึ้น 

ใช้ผู้ช่วยตัวสี่เหลี่ยมแสนสนุก ‘หนังสือนิทาน’

ในช่วงก่อนเปิดเทอม คุณแม่อาจหยิบหนังสือนิทานที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการไปโรงเรียน ตัวละครในนิทาน จะเป็นผู้นำพาให้เด็กๆ มีความกล้า เพื่อก้าวไปสู่พื้นที่แห่งใหม่ ที่เรียกว่า โรงเรียนอนุบาลได้อย่างสนุกสนาน ได้เห็นตัวละครที่ร้องไห้ไม่ยอมไปโรงเรียน แต่สุดท้ายก็ยิ้มแฉ่งเพราะได้ไปโรงเรียน ได้เจอเพื่อนใหม่ และสนุกไปกับกิจกรรมใหม่ๆ ในห้องเรียน

หรือหยิบยกหนังสือนิทานเล่มใหม่ อย่างเรื่อง แม่จะอยู่ตรงนี้เสมอ อ่านให้ลูกฟังก่อนนอน ก็จะช่วยบรรเทาความวิตกกังวลกับการแยกจากคุณพ่อคุณแม่ เมื่อต้องไปโรงเรียนในช่วงแรกๆ ของลูกได้ 

อ่านรีวิวหนังสือนิทานเรื่อง แม่จะอยู่ตรงนี้เสมอ ได้ที่ https://www.facebook.com/share/p/12JA5voD1Dv/?mibextid=oFDknk

ของวิเศษชิ้นเล็ก พกไว้ ใกล้กาย อุ่นใจลูก

บรรเทาความวิตกกังวลของลูกจากการแยกจากคุณพ่อคุณแม่ด้วย ของวิเศษเบาใจ ชิ้นเล็กๆ ที่เสมือนเป็นความทรงจำจากที่บ้าน เช่น ตุ๊กตาน้อยตัวโปรด ให้เด็กๆ พกหนังสือนิทานเล่มที่ชอบมากๆ ติดกระเป๋าเอาไว้ พกผ้าเช็ดหน้าของคุณแม่ หรือ รูปถ่ายของคุณพ่อคุณแม่ พี่น้อง หรือคุณปู่ย่าตายาย ติดไว้ในกระเป๋า เพื่อคลายความคิดถึง และช่วยสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้กับลูกได้ เมื่อลูกอยู่ในพื้นที่ไม่คุ้นเคย 

หลังจากนั้นเมื่อโลกโตขึ้น ก็ค่อยๆ บอกลูกให้เก็บของชิ้นนี้ไว้ที่บ้าน แล้วเติมพลังความกล้าหาญให้ลูกด้วย ‘พลังซุเปอร์กอด’ ก่อนไปโรงเรียนแทน ก็จะช่วยให้ลูกมั่นใจและไปโรงเรียนได้แบบยิ้มแฉ่งกว่าเดิม

สร้างความสบายใจด้วยประโยคฮีลใจลูก

สร้างความสบายใจให้กับลูกด้วยประโยคฮีลใจในวันที่เราต้องห่างกัน เช่น แม่จะอยู่ในดวงใจและในดวงตาของลูกเสมอ เมื่อลูกคิดถึงแม่ ใช้มือสัมผัสที่หัวใจ หากมีน้ำตา ให้ใช้ผ้าเช็ดที่แม่ให้ไว้นะลูก แล้วจะรีบมารับกลับบ้าน  

หรือตัวอย่างประโยคฮีลใจจากนิทานเรื่อง แม่จะอยู่ตรงนี้เสมอ 

“แม่กำลังรอลูกอยู่ 

รอลูกที่กำลังเดินออกมา

หลังจากอยู่ห่างแม่เป็นครั้งแรก..” 

ประโยคฮีลใจนี้ สามารถบอกกับลูกได้ก่อนเปิดเทอม หรือสามารถใช้ได้ในสถานการณ์อื่นๆ เช่น ต้องไปอยู่บ้านคุณยายสองสามวัน เพราะคุณพ่อคุณแม่ต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างจังหวัด เป็นต้น 

เมื่อถึงเวลาเปิดเทอม อาจเพิ่มประโยคดับเบิ้ลฮีลใจให้กับลูก เช่น เรียนให้สนุก เล่นให้หัวเปียกไปเลย!! หรือ เจอกันตอนเย็นนะเจ้าจระเข้น้อยของแม่ เพื่อให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย และยิ้ม (สู้) ได้ ก่อนเข้าห้องเรียน 

เมื่อจบพิธีกรรมอำลา ส่งลูกถึงมือคุณครูเรียบร้อยแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรรีบกลับทันที เพื่อไม่ให้ลูกรู้สึกลังเล หรือเริ่มร้องไห้อีกครั้ง เพราะยังคงเห็นคุณพ่อคุณแม่อยู่นั่นเอง

เรื่อง ศรัญญา อ่าวสมบัติกุล

ที่มา : parents.com